ย้อนประวัติ "ป่ายฟุ่ง"

เดิมตำรับนี้ก็เป็นยาตำรับหนึ่งที่ประกอบด้วยสมุนไพรมากมายที่มีการใช้กันอย่างต่อเนื่อง

ทว่ายังไม่มีไก่ดำในตำรับยา โดยมีเรื่องเล่าว่ามีหมอจีนท่านนึงชื่อ “หมอโฮวโทว” เป็นหมอ
ชื่อดังของจีน ได้มีคนเชิญหมอโฮวโทวไปดูแม่ของเขาว่าทำไมแม่ถึงมีอาการอ่อนแรง
หมอโฮวโทวทำการแมะเสร็จแล้วจึงให้ยาตำรับนี้ไป เป็นสมุนไพรป่ายฟุ่งที่มีการนำไปต้มเป็นยา
แล้วมาทำเป็นเม็ดลูกกลอน โดยไม่มีส่วนประกอบของไก่ดำให้แก่ผู้ป่วย เมื่อเวลาผ่านไป
หมอกลับมาดูอาการผู้ป่วยอีกครั้งก็สังเกตว่า ผู้ป่วยหน้าตาเปลี่ยนไปจากเดิม จากคนที่มีอาการ
ไม่มีแรง ซีดเซียว มือเท้าเย็น ปวดท้องประจำเดือน ปวดมดลูก อาการเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัดคือ
ผู้ป่วยมีหน้าตาที่สดใสและมีผิวพรรณเปล่งปลั่ง หมอรู้สึกแปลกใจว่าทำไมผู้ป่วยถึงได้หายเร็ว
จึงได้ทำการซักถามว่าผู้ป่วยกินยาครบไหม กินยาอย่างไร ปรากฏว่าลูกสาวของผู้ป่วยเล่าว่า
เมื่อต้มยาแล้วเห็นว่ามีไก่ดำอยู่เลยอยากทำซุปให้แม่ด้วย จึงนำไก่ดำมาผสมกับตำรับยาของ
หมอโฮวโทว ให้ทานพร้อมกันทุกวัน อาการจึงดีขึ้นมาก เพราะไก่ดำมีสรรพคุณช่วยสร้างเลือด
นี่จึงเป็นที่มาของตำรับใหม่ชื่อว่า “อูจีไป๋ฟุ่ง”

นอกจากนี้ เรื่องเล่าจากในวังยังเล่าขานกันต่อมาว่า พระนางซูสีไทเฮาทรงงานและ

ออกว่าราชการมาก ประกอบกับมีพระชนมายุมากแล้ว พระพลานามัยจึงทรุดโทรมและอ่อนแอ
จากความเครียด พระนางจึงทรงรับสั่งให้พาตัวหมอหลวงมารักษา และหมอหลวงได้จ่ายยา
ตำรับอูจีไป๋ฟุ่งให้แก่พระนาง เมื่อคนในวังเห็นพระนางซูสีไทเฮาทรงเสวยยาลูกกลอนนี้ได้ไม่นาน
จากเดิมที่พระองค์ทรงไม่มีเรี่ยวแรง เบื่อพระกระยาหาร บรรทมไม่หลับ กลับกลายเป็นมี
พระพลานามัยที่ดีขึ้น มีผิวพรรณที่เปล่งปลั่ง สวยงาม หลังจากนั้นนางในทั้งหลายจึง
รับประทานยาตำรับนี้ด้วย และทำให้ยาตำรับนี้กลายเป็นยาสำหรับบำรุงสตรีที่ได้รับ
ความนิยมมาจนถึงปัจจุบัน

เดิมตำรับนี้ก็เป็นยาตำรับหนึ่งที่ประกอบด้วยสมุนไพรมากมายที่มีการใช้กัน

อย่างต่อเนื่อง ทว่ายังไม่มีไก่ดำในตำรับยา โดยมีเรื่องเล่าว่ามีหมอจีนท่านนึง
ชื่อ “หมอโฮวโทว” เป็นหมอชื่อดังของจีน ได้มีคนเชิญหมอโฮวโทวไปดูแม่ของเขา
ว่าทำไมแม่ถึงมีอาการอ่อนแรง หมอโฮวโทวทำการแมะเสร็จแล้วจึงให้ยาตำรับ
นี้ไป เป็นสมุนไพรป่ายฟุ่งที่มีการนำไปต้มเป็นยาแล้วมาทำเป็นเม็ดลูกกลอน
โดยไม่มีส่วนประกอบของไก่ดำให้แก่ผู้ป่วย เมื่อเวลาผ่านไป หมอกลับมาดูอาการ
ผู้ป่วยอีกครั้งก็สังเกตว่า ผู้ป่วยหน้าตาเปลี่ยนไปจากเดิม จากคนที่มีอาการ
ไม่มีแรง ซีดเซียว มือเท้าเย็น ปวดท้องประจำเดือน ปวดมดลูก อาการเปลี่ยน
ไปอย่างเห็นได้ชัดคือผู้ป่วยมีหน้าตาที่สดใสและมีผิวพรรณเปล่งปลั่ง หมอรู้สึก
แปลกใจว่าทำไมผู้ป่วยถึงได้หายเร็ว จึงได้ทำการซักถามว่าผู้ป่วยกินยาครบไหม
กินยาอย่างไร ปรากฏว่าลูกสาวของผู้ป่วยเล่าว่าเมื่อต้มยาแล้วเห็นว่ามีไก่ดำ
อยู่เลยอยากทำซุปให้แม่ด้วย จึงนำไก่ดำมาผสมกับตำรับยาของหมอโฮวโทว
ให้ทานพร้อมกันทุกวัน อาการจึงดีขึ้นมาก เพราะไก่ดำมีสรรพคุณช่วยสร้างเลือด
นี่จึงเป็นที่มาของตำรับใหม่ชื่อว่า “อูจีไป๋ฟุ่ง”

นอกจากนี้ เรื่องเล่าจากในวังยังเล่าขานกันต่อมาว่า พระนางซูสีไทเฮาทรง

งานและออกว่าราชการมาก ประกอบกับมีพระชนมายุมากแล้ว พระพลานามัย
จึงทรุดโทรมและอ่อนแอจากความเครียด พระนางจึงทรงรับสั่งให้พาตัวหมอหลวง
มารักษา และหมอหลวงได้จ่ายยาตำรับอูจีไป๋ฟุ่งให้แก่พระนาง เมื่อคนในวังเห็น
พระนางซูสีไทเฮาทรงเสวยยาลูกกลอนนี้ได้ไม่นาน จากเดิมที่พระองค์ทรงไม่มี
เรี่ยวแรง เบื่อพระกระยาหาร บรรทมไม่หลับ กลับกลายเป็นมีพระพลานามัยที่ดี
ขึ้น มีผิวพรรณที่เปล่งปลั่ง สวยงาม หลังจากนั้นนางในทั้งหลายจึงรับประทาน
ยาตำรับนี้ด้วย และทำให้ยาตำรับนี้กลายเป็นยาสำหรับบำรุงสตรีที่ได้รับความ
นิยมมาจนถึงปัจจุบัน

ย้อนประวัติ "ป่ายฟุ่ง"